ใครที่ชื่นชอบ การซื้อทอง ต้องไม่พลาดบทความนี้ค่ะ ไอเดียก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบซื้อทองเก็บ เพื่อเกร็งกำไร เพื่อลงทุน หรือ เผื่อมีเหตุฉุกเฉินให้ใช้เงินก้อนโตในอนาคตก็สามารถขายทอง นำเงินมาใช้ได้เช่นกัน ^^
บทความในวันนี้ ไอเดียได้นำมาจากเว็ปไซต์ ของพี่ทุยค่ะ ได้อธิบายเกี่ยวกับราคาทองคำได้ละเอียดและเข้าใจง่ายมากๆ ค่ะ ไปดูพร้อมๆกันเลยจร้า
ทองคำ เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่นักลงทุนไม่ว่าจะรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ ก็ให้ความสนใจ และยังคงมีภาพลักษณ์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอยู่ในสายตานักลงทุนเสมอ เมื่อผู้คนยังเชื่อถือในมูลค่าของทองคำ แม้แต่ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ก็ยังต้องมีทองคำไว้เป็นทุนสำรอง
วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ ปี 2567 ว่าเป็นยังไง
แต่ราคาทองคำก็เคลื่อนไหวขึ้นลงได้ตลอดเหมือนหุ้น หรือสินทรัพย์อื่น ๆ และบางช่วงราคาก็ผันผวนมากเสียด้วย ถ้าเลือกซื้อทองคำผิดเวลา ก็อาจจะได้ต้นทุนแบบติดดอย กว่าจะขายทองคำได้กำไร ก็ต้องรอราคาขึ้นมารอบใหม่เลยดอยไปก่อน
ราคาทองคำยืนเหนือ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ช่วงต้นเดือน มี.ค. 2565 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับจากปี 2563 เนื่องจากความกังวลเรื่องสงครามในยูเครน และเงินเฟ้อสูง ทำให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องตั้งแต่เดือน มี.ค. ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าสูงสุดในรอบ 20 ปี ราคาทองคำก็ปรับตัวลงมา
คราวนี้พอมองไปข้างหน้าปี 2566 ก็ไปเจอประมาณการณ์ของธนาคารโลก จึงอยากหยิบมาแชร์ให้ทุกคนพิจารณา
แนวโน้มราคาทองคำ ปี 2566 จาก World Bank
จากการคาดการณ์ของธนาคารโลก ณ ต.ค. 2565 แนวโน้มราคาทอง ในปี 2566 และ 2567 จะมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้
ปี 2566 : 1,700 ดอลลาร์/ออนซ์ เปลี่ยนแปลง -4.2% เทียบปีก่อนหน้า
ปี 2567 : 1,650 ดอลลาร์/ออนซ์ เปลี่ยนแปลง -2.94% เทียบปีก่อนหน้า
ไปนั่งอ่านคาดการณ์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์กับบทวิเคราะห์แนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ มา ก็พบว่า ในการประมาณการรอบเดือน ต.ค. 2565 ธนาคารโลก ปรับลดประมาณการราคาทองคำปี 2565 ลงมา 105 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อเทียบกับประมาณการในเดือน เม.ย. 2565 ส่วนราคาในปี 2566 นั้น ยังคงเป็นประมาณการเดิมที่มองไว้
ส่วนสำคัญที่ทำให้ปรับประมาณการสิ้นปี 2565 ลงมา เพราะในไตรมาส 3 ปี 2565 ราคาโลหะมีค่าซึ่งรวมถึงทองคำ ปรับลดลงมา โดยราคาทองคำลดลงไป 8% จากต้นปี เนื่องจากความต้องการลงทุนและความต้องการครอบครองทองคำที่จับต้องได้อ่อนแอลง จากปัจจัยค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า และอัตราดอกเบี้ยที่ขยับขึ้น
ปัจจัยเรื่องดอลลาร์แข็งค่ากับดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ เป็นปัจจัยลบที่มีน้ำหนักมากกว่าปัจจัยบวกจากการที่ทองคำถูกมองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่มีสงครามยูเครนและเงินเฟ้อสูง
ขณะที่มุมมองปี 2566 ของธนาคารโลกที่มองว่าราคาทองคำจะลดลงไป 4.2% จากปี 2565 นั้น มีเหตุผลสำคัญมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่น่าจะไปถึงจุดสูงสุดในปี 2566 และความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2565 ซึ่งอาจกระทบต่อกิจกรรมของภาคอุตสาหกรรม และกระทบกับความต้องการโลหะมีค่ารวมถึงทองคำด้วย
ราคาทองคำขึ้นหรือลงจากอะไร ?
มาวิเคราะห์กันว่า อะไรที่มีผลกับราคาทองคำบ้าง ซึ่งจากการรวบรวมก็พบว่า มีปัจจัยสำคัญๆ 4 เรื่อง คือ
1. นโยบายการเงินและดอกเบี้ย – ถ้าดอกเบี้ยต่ำ นโยบายการเงินผ่อนคลายมาก ๆ ทำให้มีสภาพคล่องในระบบสูง จนคนรู้สึกว่า มูลค่าเงินในมือนั้นลดลง คนก็จะสนใจซื้อทองคำ เพื่อหวังเก็บรักษามูลค่าเงินไว้
2. เงินเฟ้อ – โดยปกติแล้ว ตัวแปรที่มีผลกับเงินเฟ้อมาก ๆ ก็คือราคาน้ำมัน พอน้ำมันขึ้นไปสูง ก็จะเกิดภาวะเงินเฟ้อ เพราะสินค้าตัวอื่น ๆ ก็จะขึ้นราคาไปด้วย แต่ก็เป็นไปได้ที่เงินเฟ้อจะมาจากสินค้าตัวอื่นได้
โดยรวมแล้ว พอมีภาวะเงินเฟ้อสูง ก็จะทำให้คนรู้สึกว่า มูลค่าเงินที่มีอยู่ในมือหายไป เช่น เคยซื้อบะหมี่หมูแดงกินในราคา ชามละ 30 บาท ยุคเงินเฟ้อพุ่ง หมูแพง แม่ค้าขอขึ้นราคาบะหมี่หมูแดงเป็น 40 บาท แปลว่า ถ้ามีเงินในกระเป๋าอยู่ 120 บาท เคยกินก๋วยเตี๋ยวได้ 4 ชาม ก็เหลือกินได้แค่ 3 ชาม เมื่อมูลค่าเงินในมือลดลงแบบนี้ ก็อาจรู้สึกว่าไปซื้อทองคำเก็บไว้ดีกว่า เพราะเชื่อว่า ทองคำช่วยรักษามูลค่าเงินได้
3. ค่าเงินดอลลาร์ – เงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นสกุลหลักที่ใช้ค้าขายกันทั่วโลก ซึ่งโดยปกติเวลาเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง นักลงทุนจะรู้สึกว่า มูลค่าเงินในมือหายไป ก็จะหันมาสนใจซื้อทองคำเพื่อเก็บไว้ เนื่องจากมองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น ในทางกลับกันถ้าเงินดอลลาร์แข็งค่า ราคาทองคำก็จะลดลง
4. ความต้องการซื้อขายทองคำ – ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว ความต้องการซื้อและขาย ก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อราคา สมมติถ้าช่วงไหนคนอยากได้ทองคำไว้ครอบครองเยอะกว่าทองคำที่มีออกขายในตลาด ราคาทองคำก็ย่อมสูงขึ้นเป็นธรรมดา โดยความต้องการทองคำนั้น มาจาก 3 ส่วน คือ อุตสาหกรรมการผลิตและการแพทย์ที่ต้องใช้ทองคำเป็นส่วนประกอบในการผลิต อุตสาหกรรมเครื่องประดับ และนักลงทุนที่เข้าไปซื้อเพื่อลงทุน
โดยรวมแล้ว ดอกเบี้ยต่ำ เงินเฟ้อสูง เงินดอลลาร์อ่อนค่า รวมถึงความต้องการทองคำสูง ๆ สิ่งเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นพร้อมกันในช่วงสถานการณ์บ้านเมืองไม่ค่อยปกติ มีสงคราม มีวิกฤติโรคระบาด หรือเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งคิดว่า ทุกคนน่าจะพอเห็นภาพนี้กันชัด ๆ แล้วในช่วงปี 2020 ที่โควิดเริ่มแพร่ระบาด
อ้างอิง : Idea1
อ่านเพิ่มเติม
แนะนำแอปออมทอง มีเงินน้อยก็ออมได้